‘แบงก์ชาติ’ตอบคำถาม ‘ดอกเบี้ยธนาคารขึ้น’ เป็นไปตามคาดหวังหรือไม่

วันที่ 19 ธ.ค. 65 นายปิติ ดิษยทัต ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท. ได้จัดพบนักวิเคราะห์ซึ่งมีกรณีในเรื่องการส่งผ่านของดอกเบี้ยนโยบายไปภาคธนาคารและไปสู่ประชาชนนั้น เป็นเรื่องที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ประเมินการส่งผ่านแล้วว่าใกล้เคียงกับคาดการณ์ และสอดคล้องกับในอดีต โดยที่ผ่านมา เมื่อขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย ธนาคารจะขึ้นดอกเบี้ย 0.6% หรือมากกว่าครึ่งหนึ่งของดอกเบี้ยนโยบายที่ปรับเพิ่ม

ส่วนเรื่องการเก็บเงินนำส่งเข้ากองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (เอฟไอดีเอฟ) อัตราปกติ 0.46% ในปี 66 ซึ่งจะเป็นต้นทุนของธนาคารนั้น มองว่า กนง. ได้ประเมินไว้อยู่แล้ว จึงเป็นเหตุผลที่ กนง. ตัดสินใจปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อไม่ให้กระทบกับประชาชน

ขณะที่คาดการณ์เงินเฟ้อปี 66 ธปทคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง. คาดจะอยู่ที่ 3% ซึ่งหากจะทำให้เงินเฟ้อไม่ถึง 3% ตามคาดนั้น มองว่าความเสี่ยงหลักอยู่ที่ ราคาพลังงานและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ไม่สามารถคาดเดาได้ และเฝ้าติดตามการส่งผ่านไปยังต้นทุนที่อาจยังไม่หมด ซึ่งยังสะสมอยู่บ้าง ถ้ามีการปรับเพิ่มของราคามากกว่าคาด และมาตรการภาครัฐที่ต้องรอความชัดเจน โดยเฉพาะราคาพลังงาน เช่น ค่าไฟฟ้า ว่าจะมีการปรับมากน้อยแค่ไหนในปี 66 ยังเป็นปัจจัยที่ต้องติดตามคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง

นายสุรัช แทนบุญ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายนโยบายการเงิน ธปท. กล่าวว่า ธปท. ยังเห็นธนาคารพาณิชย์ช่วยเหลือประชาชนกลุ่มเปราะบาง แม้ดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคารจะปรับเพิ่มขึ้นตามดอกเบี้ยนโยบาย เห็นได้จากการขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้อ้างอิงประเภทรายย่อยชั้นดี (เอ็มอาร์อาร์) น้อยกว่ารายใหญ่ชั้นดี (เอ็มแอลอาร์) ในช่วงที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ในภาคต่างประเทศของไทยยังมีเสถียรภาพ หนี้ต่างประเทศของไทย 40% ของจีดีพี มาจากธนาคารและภาคธุรกิจ แห่งละ 20% ซึ่งจากการติดตามภาคธุรกิจที่ไม่ใช่ธนาคาร ใน 50% เป็นหนี้ระยะสั้น ส่วนที่เหลือจะมาจากบริษัท 700 ราย มีหนี้ต่างประเทศสูงสุด ขณะที่การบริหารความเสี่ยงที่ภาคธุรกิจยังไม่ทำประกันป้องกันความเสี่ยงนั้นมีเพียง 14% และส่วนใหญ่ยังมีการบริหารความเสี่ยงค่อนข้างสูงสำหรับบริษัทขนาดใหญ่

ส่วนหนี้ด้อยคุณภาพ (เอ็นพีแอล) ของภาคธุรกิจลดลง โดยเฉพาะภาคธุรกิจวงเงินขนาดเล็กน้อยกว่า 500 ล้านบาท ปรับลดลงในไตรมาส 3 ปี 65 เหลือ 6.8% จาก 7% ส่วนลูกหนี้รายย่อย เห็นเอ็นพีแอลล่าสุดไตรมาส 3 ปี 65 เหลือ 2.6% จาก 2.7% ในไตรมาสก่อนหน้า ยอมรับแม้ความเปราะบางยังมีอยู่ แต่เห็นสัญญาณดีขึ้นมาเป็นลำดับ ซึ่งสอดคล้องการฟื้นตัวเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ

นายสักกะภพ พันธ์ยานุกูล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธปท. กล่าวว่า ธปท. คาดการณ์จีดีพีไทยปี 66 ไว้ที่ 3.7% ต่อเนื่องจากปีนี้ 3.2% และปี 67 คาด 3.9% แรงส่งปี 66 จะอยู่ที่ภาคการท่องเที่ยวและบริโภคเอกชน คาดนักท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้นเป็น 22 ล้านคนในปี 66 และ 31.5 ล้านคนในปี 67 จากปีนี้ 10.5 ล้านคน โดยคาดจะมีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามา 1.8 ล้านคน ในช่วงไตรมาส 4 ปี 66 ขณะที่ในปี 66 การส่งออกจะได้รับผลกระทบกับเศรษฐกิจโลกชะลอ ทำให้ส่งออกลดลงเหลือ 1% จากปีนี้ 7.4%

You May Also Like

More From Author